การลงทุนกับตัวเองคือ การลงทุนที่เสี่ยงน้อยที่สุด และได้ ROI 100%

         ระหว่างที่ทางทีมฟินเวิร์สรอพี่หมูเดินทางมาให้สัมภาษณ์ ก็ขออนุญาตซนเล็กน้อยด้วยการเดินทัวร์ว่าจะใช้มุมไหนในออฟฟิศของ Ookbee ถ่ายดี

และแล้วก็มาพบกับห้องประชุมบนชั้นสองที่เต็มไปด้วยโมเดลจากหนัง Star Wars วางเรียงรายเต็มไปหมด ด้วยความสงสัยก็เลยถามพี่พนักงานที่ต้อนรับพวกเราอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

“พี่หมูเป็น FC หนัง Star Wars เหรอครับ?”

“เป็นความชอบคล้าย ๆ กันของผู้บริหารทั้งหมดใน Ookbee ค่ะ”

ปกติภาพห้องประชุมที่มีในหัวทั่ว ๆ ไปมักจะมีความเพลนและน่าเบื่ออยู่ในตัว ตัดภาพมาที่ห้องประชุมของ Ookbee คือเท่มาก เอาโมเดลที่น่าจะมีราคาค่อนข้างสูงมาเป็น prop ประดับไปซะเลย คิดแล้วก็มีความรู้สึกคันไม้คันมืออยากลองไปแตะเล่นจัง (ไม่ต้องห่วงนะพี่หมู พวกเรายืนชมอย่างเดียว)

เมื่อพี่หมูมาถึงก็ลุยกันเลย คุยกันยาว ๆ จนกระทั่งถึงคำถามท้าย ๆ ซึ่งพี่หมูได้บอกพวกเราว่า การลงทุนที่เสี่ยงน้อยที่สุด แถมได้ ROI แบบ 100% เนี่ย คือการลงทุนกับ ‘ตัวเอง’ นะ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือหาความรู้ หรือแม้กระทั่งเรื่องการกินอาหาร ออกกำลัง ล้วนเป็นการลงทุนในตัวเอง อันนี้สำคัญมาก

         มุมมองการบริหารเงินและการลงทุนของพี่หมูจะมีเฟรมเวิร์กที่ค่อนข้างชัดเจน เช่น พี่หมูใช้กรอบของ “Asset Class” ในการอธิบายการลงทุนประเภทต่าง ๆ ให้พวกเราฟัง แต่บอกได้เลยว่าน่าจะเป็นแบบที่แอดแวนซ์ขึ้นมาอีกขั้น ซึ่งก็ไม่แปลกใจอะไรเพราะเดิมแล้วพี่หมูเป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องมีความละเอียดยิบมากทางความคิด

ประสบการณ์การลงทุนของพี่หมูนั้นโชกโชนเหลือเกิน ถึงว่ามีคำนิยามเป็น “จ้าวโปรเจกต์” และทีเด็ดคือ พี่หมูกล้าเล่าอย่างเปิดอกเลยว่าการลงทุนที่สำเร็จกับไม่สำเร็จ แทบจะครึ่ง ๆ เลย แต่การลงทุนของฝั่งที่สำเร็จ ช่วยคัฟเวอร์ที่เสียหายไปได้เยอะอยู่ บวกกับกำไรที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า

สิ่งที่รู้สึกว่าน่าสนใจคือวิธีการอธิบายในแบบฉบับของพี่หมูว่า ทำไมอยากเชียร์ให้หลาย ๆ คนถือในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น โดยเปรียบในมุมของการลงกองทุน เช่น ถ้าอยากเล่นเองเป็นราย ๆ ตัวโดยไม่ผ่านการลงในกองทุน เท่ากับว่าต้องรู้ลึกให้มาก เพราะเราจะต้องรู้ตัวว่าเราจะต้องทำดีกว่าไปให้ผู้บริหารกองทุนบริหาร ที่เขามีอาชีพหลักด้านนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะต้องรู้เยอะกว่าเขา (ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร เพราะการรู้เยอะ ๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี) ดังนั้นถือในระยะยาวจะช่วยได้มาก

พอถึงจุดนี้เราเลยพบว่า พี่หมูให้ความสำคัญอย่างสุดซึ้ง กับการจะทำอะไรต้องมีแผนที่ชัดเจน ถ้าจดออกมาได้ยิ่งดี และควรที่จะอ่านเตือนตัวเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพราะเมื่อมีแผนที่ชัดเจนเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย ถ้าเกิดออกนอกลู่นอกทางจะได้มีแผนเป็นเครื่องเตือนใจให้กลับมาอยู่บนเส้นทางที่วางไว้อีกครั้ง

มีคำพูดอันนึงที่พี่หมูพูดแล้วรู้สึกว่าโคตรเด็ด

เลยเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ต้องเริ่มจากแยกความพยายามกับความทะเยอทะยานให้ออกก่อน การทะเยอทะยานไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่ถ้าเราเคยผ่านอะไรมาแล้วและเจ๊งหรือหมดตัว การทะเยอทะยานกลับไปทำสิ่งนั้นทั้ง ๆ ที่รู้แก่ใจว่าเคยผ่านมาแล้วอาจเป็นการตัดสินใจที่ไม่ดีนัก

ดังนั้นเราควรที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด แล้วเอาความพยายามที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความทะเยอทะยานนั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือการนำความรู้ที่ได้จากความผิดพลาดมาใช้กับโอกาสรอบใหม่ แต่ต้องรอบคอบกว่าเดิม

         พี่หมูให้ความรู้ได้แบบมีหลักการและเฟรมเวิร์กที่ชัดเจนสุด ๆ ซึ่งพวกเรารู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาคุยเป็นการส่วนตัว แต่สิ่งนึงที่ยังคงค้างใจพวกเราคือ จะมีวันที่พวกเราได้ฟังพี่หมูร้องเพลงหรือเปล่า? ขอท่อนเพลงฮิตช่วงนี้ก็แล้วกัน ‘…ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย อย่าไปลงทุน จนดอยบ่อย ๆ’