คารวะท่านเซียนในยุทธภพแห่งการเงิน
หากใครเคยดูหนังจีนกำลังภายใน จะพบว่าเวลาตัวเอกฝึกฝนวิชาให้แกร่งขึ้น ต้องไปเจอ “เซียน” ที่ซุ่มตัวในยุทธภพเสียก่อน ถึงจะได้วิชาสุดยอดมาปราบพรรคมาร
ลมเพลลมพัดให้ในบทความนี้ ได้มาเจอกับ พี่ทอมมี่-ธนา โพธิกำจร ที่เมื่อได้พูดคุยแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนเซียนที่ซ่อนตัวอยู่บนภูเขาสูง
สงบ นิ่ง แต่ทรงพลัง
พี่ทอมมี่เล่าว่า เพราะพ่อแม่เป็นหมอ เป็นแพทย์ เลยจะเดินสายนี้ในตอนแรก แต่สุดท้าย มาลองสายเทคที่ Silicon Valley ทำงานเทคล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวกับการเงิน หลังจากอยู่วงการเทคสักพักนึงก็กลับไทย ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารต้องอยู่ในโลกดิจิตัลมากขึ้น เลยใช้ความเป็นเทคฯทำงานด้านการเงิน
ไป ๆ มา ๆ อยู่วงการนี้มาสิบกว่าปีเฉย แล้วก็ได้กลายมาเป็นแม่ทัพใหญ่ของ LINE BK หรือ บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด หนึ่งในบริษัทของธนาคารกสิกรไทย และ บริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล พลัส คอร์ปอเรชั่น เลยกลายมาเป็น LINE BK ผู้ให้บริการ Social Banking รายแรกของเมืองไทย พร้อมมีน้องหมีบราวน์และผองเพื่อน
วันนี้ได้มีโอกาสมาพบกับเซียนทั้งที ก็ต้องขอคารวะซักหน่อยแล้ว!
แนะนำตัวยังไงก็ได้ ให้พวกเรารู้จักพี่
ชีวิตมีแต่วิ่ง วิ่งงาน งานวิ่ง วิ่งเข้าปัญหา วิ่งหนีปัญหา วิ่งไปทั่ว เริ่มวิ่งมาสัก 6 – 7 ปีนี่แหละครับ แล้วก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเลยนะ เพียงแต่ชอบออกกำลังกาย เราจะต้องบาลานซ์เรื่องสุขภาพกายและจิตใจไปด้วยให้ได้
ตอนนี้เริ่มแก่แล้ว การวิ่งเลยโอเคเพราะได้สุขภาพกาย จิตใจก็ช่วยเยอะ โดยเฉพาะเวลาอยู่ออฟฟิศ จะช่วยเคลียร์สมอง ลดความเครียดได้ เวลาจะตัดสินใจอะไรก็มีความโปร่งใสมากขึ้น ก็เลยต้องวิ่งบ่อยครับ วิ่งเกือบทุกวัน เลยอยากแนะนำให้ลองวิ่งกัน ช่วยรีเซ็ตสมองจะได้โปร่งขึ้นมา
มีคอลเลคชั่นส่วนตัวบ้างมั้ย
ไม่มีเลยครับ ตรงข้ามเลย ผมจะใช้ชีวิตให้แคร์หรือสนใจน้อยที่สุด ณ ตอนนี้ชอบคิดว่า ถ้าดึงสิ่งของหรืออะไรออกจากชีวิตไปไม่เสียดายสักอย่าง ก็เลยลดความเป็น materialistic เข้าไว้
สิ่งที่สะสมจะเป็นประสบการณ์แทน ที่เลือกแบบนี้คงเกี่ยวกับอายุส่วนนึง มองว่าเป็นวิถีชีวิตแบบหนึ่งที่เรียบง่าย แคร์ฟรีดี เรื่องงานเรื่องโน้นนี้มีต้องแก้เยอะแล้ว จะได้ไม่ต้องติดอะไรมาก
มีชื่อให้วิถีที่กล่าวไปหรือเปล่า
วิชาตัวเบา สะสมประการณ์พอ
ในมุมการลงทุนกัน ระหว่างทองกับบิทคอยน์ เลือกอะไรดี
คงต้องขอตอบทองไปก่อน อันที่จริงก็อยู่วงการคริปโตมานานพอสมควร แต่วันนี้มันดูเสี่ยงที่สุดก็ต้องไปทองอยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้คริปโตค่อนข้างมีข่าวไม่ดี ภาพรวม ณ วันนี้ก็ต้องเลือกทองก่อนคริปโต แต่ถ้ากลับมา cycle ขาขึ้นก็อาจจะมีแบ่งได้บ้าง แล้วแต่ว่าวงการจะเปลี่ยนแปลงไปทางไหน
หุ้น สหรัฐฯ ไทย จีน เวียดนาม ฝั่งไหนหน้าลงทุนที่สุดในตอนนี้
ถ้าให้เลือกคงเป็นเวียดนาม เหตุผลคือ “โอกาส” เพราะถ้า Southeast Asia เนี่ย มองระยะยาวจริง ๆ ก็ยังเติบโตได้อีกเยอะ แต่สหรัฐมีความนิ่งของมันอยู่แล้ว
การจะเป็นซีอีโอด้านการเงิน ต้องบริหารเรื่องเงินเก่งอยู่ใช่มั้ย
ขอโยนว่า มาเป็นผู้บริหารในองค์การนี้ ไม่ได้หมายความว่าบริหารเรื่องนี้เก่ง คิดว่าส่วนหนึ่งต้องเข้าใจมันลึกแล้วกัน แน่นอนว่าเรามีพลาด เจออะไรมาเยอะระหว่างทาง แต่อย่างหนึ่งพออยู่ในวงการมาสักพัก อย่างน้อยเข้าใจในรายละเอียดของมัน เข้าใจวิธีขยับของเศรษฐกิจ ของตลาดอะไรต่าง ๆ แต่เข้าใจไม่ได้หมายความว่าต้องจับเวลาได้ถูกต้อง ลงทุนได้เก่งที่สุด เจ๊งก็มีเยอะครับ
ประสบการณ์ที่เจอและทำให้รู้สึกช้ำใจ สอนอะไรได้บ้าง
เริ่มลงทุนหุ้น ซื้อขายหุ้นตอนเด็ก ๆ อายุประมาณ 20 ต้น ๆ ในช่วงที่เพิ่งมีออนไลน์เทรดที่อเมริกาเป็นช่วงที่ Dotcom bust เริ่มตอนมันเป็นฟองสบู่ เลิกตอนมันพัง เรียกว่า พอร์ตหายหมด
โชคดีว่าเป็นเด็กไม่ได้มีเงินเยอะอยู่แล้ว แต่ได้เรียนรู้ว่า ธุรกิจในช่วงฟองสบู่ หลังฟองสบู่ เป็นยังไงบ้าง เข้าใจลึกซึ้งด้วยความเจ็บปวดของตัวเอง เข้าใจการลงทุนมากขึ้น เข้าใจ cycle เศรษฐกิจ
งั้นคริปโตเป็นบับเบิลด้วยใช่ไหม
ตอนนี้เรียกว่าแตกไปแล้วดีกว่า
ช่วงนี้ทุกอย่างตกแบบนี้ ทำเงินวิธีไหนดีที่สุด
ขอเปรียบแบบนี้ว่า เราต้องเก็บออกซิเจนเพื่อที่จะกลั้นหายใจได้นานที่สุด คล้ายน้ำท่วมอยู่ก็ต้องหายใจจนรอดให้ได้จนวันที่เศรษฐกิจกลับมาฟื้นฟู แล้วเราจะกลับมาเติบโตกับมัน ตอนนี้ปกป้องคงดีที่สุด ไม่ใช่ว่าหายังไงดีกว่า ตั้งรับไม่ใช่รุก จนมีโอกาสอยู่รอดถึงช่วงที่รุกได้
แล้วอะไรที่ไม่ควรทำมากที่สุดในเชิงการเงิน
มันก็แล้วแต่สถานการณ์ ถ้าสถานการณ์ตัวเองยังไม่ได้ดีชัด ก็ควรกลั้นหายใจ ป้องกันตัวเองไปก่อน เน้น Defensive ถ้าในมุมของพนักงานทั่วไป ให้เก็บเงินไว้บ้าง บริหารสภาพคล่องของตัวเองไว้ให้ดี ๆ ทำใจไว้ว่าเงินลงทุนอาจจะไม่ได้เติบโตเร็วอย่างที่คิด
ทำไมหลายคนออมเงินได้น้อย เก็บไม่อยู่ อะไรคือสาเหตุ
มันมองได้สองมุมนะ มุมแรกคนรายได้น้อย เขาไม่สามารถหารายได้พอที่จะอยู่แบบมีพื้นฐาน ถึงแม้ไม่ได้ใช้สุรุ่ยสุร่ายอะไรขนาดนั้น แล้วก็ขาดโอกาสของการศึกษาที่เท่าเทียม สำคัญคือทำยังไงให้เขาสามารถทำมาหากินเพียงพอที่อยู่ได้สบาย ๆ
อีกอันคือปัญหาที่มีการใช้จ่ายเกินตัวมากขึ้น อยู่ด้วยความภูมิใจจากคนรอบข้าง คนเรามองความสุขวันนี้มากกว่าการออมสำหรับวันหน้า เป็นปัญหาสังคมที่เห็นได้
หลายคนพลาดเพราะอารมณ์ร้อน มีวิธีบริหารอารมณ์ยังไง
ต้องเริ่มจากยอมรับก่อนว่า อารมณ์ร้อนทำให้ตัดสินใจไม่ได้ดีที่สุด ต้องทำยังไงให้นิ่ง ให้ใจเรานิ่ง ๆ อย่างการวิ่งเป็นการปลดปล่อยความเครียด รวมปัญหาอะไรที่เครียด ๆ ระหว่างวัน พอมาวิ่งก็ได้ระบายสมอง ตัดสินใจอะไรได้ดี สมองโปร่งมากขึ้น
อะไรคือฎเหล็กในการใช้เงินหรือลงทุน
ตั้งเป้าหมายและเหตุผลที่เราลงทุนให้ชัด ไม่งั้นมันจะกลายเป็นลงทุนเพื่อเพิ่มเงินอย่างเดียว ทำให้เป้าหมายกลายเป็น ‘ชั้นอยากรวย’ มันก็ไม่ใช่เป้าหมายชีวิตแล้ว เข้าใจว่าเป้าหมายคนลงทุนทุกคนอยากได้เงิน แต่สักพักถ้าหลงกับเป้าหมายนั้นอาจไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงเกิน
ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองรับได้คือ ‘คุมความเสี่ยง’ ให้เริ่มต้นจากเป้าหมายคืออะไร เช่น เก็บตังค์เพื่ออยากได้รถคันนี้ อยากซื้อบ้าน อยากนั่น อยากมี แต่อย่าลืมถอยกลับมาดูว่าหาเงินได้แค่นี้ตอนนี้ จะไปถึงอย่างไร มีความเสี่ยงเท่าไหร่ จะกลายเป็นแผนออกมาได้
การวางแผนการลงทุนที่ดี จะเริ่มที่เป้าหมายก่อนแล้วค่อยถอยออกมาคือ รายได้รายจ่ายเป็นยังไง น่าจะลงทุนแบบไหนถึงพอไหว
Mindset อยากรวยนี่อันตรายมั้ย
คิดว่าอันตรายนะ มองว่าเป็นเหตุผลที่ทุกฟองสบู่เกิดขึ้น ส่วนตัวเคยมีบ้างตอนยี่สิบต้น ๆ ลงทุนเอาสนุก มันก็คือการพนัน
ขอวิธีวางแผนการเงินแบบภาพรวม
ตั้งเป้าง่าย ๆ ว่าเราอยากทำอะไร เพื่อให้ได้ประสบการณ์ ทำยังไงให้มีรีเทิร์น ก็ต้องถอยกลับมาดูว่า เอาไปทำอะไร รวยเพื่ออะไร ชัดขึ้นนิดนึงเพื่อที่จะวางแผนไปตรงนั้นได้
ไม่ชัดก็เหลือแต่ความโลภแค่อยากรวย ต้องตั้งเป้าให้ชัดจริง ๆ อยากรวยมันกว้างนะ ลองลงทุนอะไรที่เป็นแพชชั่นดู มีความชอบส่วนตัว ไม่ต้องรีเทิร์นสูงก็ได้ แค่ลงทุนแล้วชอบ ชอบบริษัทนี้
แล้วจะบริหารความเสี่ยงอย่างไรดี
ต้องเข้าใจว่า เราเสี่ยงได้แค่ไหนและเราเอาอะไรไปเสี่ยง ต้องการอะไรจากมัน ถ้าเราเข้าใจและบาลานซ์ได้ ก็จะไม่เจ็บใจ ถึงจะเรียกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี
ในฐานะ CEO ของ LINE BK มีวิสัยทัศน์ “The future of money ” เป็นอย่างไร?
‘Invisible money’ ไม่ได้บอกว่าเงินหายไปไหน แต่สุดท้ายเราใช้การเงินเพื่อทำอย่างอื่น เรียกว่าเป็นธุรกรรมระหว่างกลาง เราจะเอาการเงินไปเสียบในมิติต่าง ๆ อย่างไร จึงเป็นที่มาของคำว่า Invisible money เพราะเราพยายามทำให้มันไปอยู่ในบทบาทนั้น ๆ ของชีวิตคน
ตอนนี้อะไรที่ LINE BK ให้ความสำคัญมากที่สุด?
มีอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกเป็นเบสิคคือ ประสบการณ์การใช้ต้องราบรื่นและง่ายที่สุด seamless ให้มัน ‘ล่องหน’ เรื่องที่สอง ต้องเข้าใจลูกค้าด้วยข้อมูล เข้าใจสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เข้าใจชีวิตลูกค้า ส่วนหนึ่งที่ LINE-BK อยู่ได้วันนี้ก็คือ รู้ถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่อยู่บนโซเชียล ทำยังไงให้เราเข้าใจความเสี่ยงของลูกค้าที่แตกต่างกัน
พอจะแชร์อะไรได้บ้าง ว่า LINE BK คัดลูกค้าอย่างไร?
จริง ๆ มีเยอะเลย แต่คงต้องยกตัวอย่างที่ไม่เกี่ยว LINE-BK แต่น่าสนใจคือ คนที่มีแอป เช่น excel ในมือถือ คนที่มีสเปรดชีทพวกนี้ กลับมีความเสี่ยงการเงินเยอะกว่า มองแบบเผิน ๆ ตอนแรกคงคิดว่าเขาคงจัดการชีวิตและการเงินได้ดี แต่กลับกัน เขาอาจจะมีปัญหาก็ได้ เขาเลยต้องใช้ excel จัดการตัวเอง แต่เรื่องพวกนี้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ก็เป็นความน่าสนใจของพฤติกรรมคนที่นำมาเชื่อมโยงกัน
มีหลายคนบอกว่าอนุมัติยาก มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
ผลิตภัณฑ์ของเราที่มีคนต้องการเยอะคือเรื่องสินเชื่อ คนร้อนเงิน เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าดูคอมเม้นท์จะมีจากคนสองกลุ่ม คนที่ถูกอนุมัติยังไงก็ดีใจอยู่แล้ว คนที่ถูกปฏิเสธยังไงก็ pain point เขาแน่นอน จะเห็นไม่ขาวก็ดำ คนที่ถูกอนุมัติก็ง่ายดีนะ คนที่ถูกปฏิเสธไป ก็ทำไมอนุมัติยากจัง โจทย์ของเราก็ต้องเดินต่อ ทำยังไงให้อนุมัติคนได้ง่ายขึ้น เยอะกว่าเดิม ที่มีความเสี่ยงต่ำ แค่นั้น ถ้าเขามีความเสี่ยงสูงก็ถูกต้องตามสถานการณ์อยู่แล้ว
ก่อนทิ้งท้าย อยากฝากอะไรให้ผู้อ่าน
ถ้าจะเล่น ก็ควรเล่นในสิ่งที่พร้อมเสีย ถ้าอายุน้อยหน่อย จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็ไม่ว่า ลองหลาย ๆ อย่าง แต่ต้องลองกับอะไรที่ทำแล้วไม่เจ็บไม่ตายจะดีกว่า หรือเจ็บได้แต่ไม่ตาย ไม่เกินตัว เพราะหนึ่งในพื้นฐานของมนุษย์คือความโลภอยากรวย แค่เราจะบังคับมันได้ดีแค่ไหน ต้องวางแผน มีแผน ถ้าไม่มีแผน เดินไปแบบโด่ ๆ ไม่ดีแน่นอน