ถึงแม้ผู้คนคาดหวังว่าปีนี้จะเป็นปีคริสต์มาสที่ดี แต่ด้วยความกังวลจากเงินเฟ้อก็อาจมีการรัดเข็มขัดด้านค่าใช้จ่ายบ้างตามที่ทาง Financial Times ได้รายงาน
อย่างไรก็ตาม คริสต์มาสยังคงถือว่าเป็นเทศกาลที่มอบบรรยากาศอันงดงามให้แก่หลายครอบครัวทั่วโลก และเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้
หรืออย่างน้อย ๆ ก็จากมุมของผู้ประกอบการ เพราะสำหรับผู้บริโภคแล้ว ดูจะกระตุ้นเงินในบัญชีให้ออกไวมากกว่าเข้ารึเปล่า?
ในความคิดของคนทั่วไป เชื่อว่าหลายคนน่าจะมองว่าประเทศอย่างสหรัฐฯ อังกฤษ หรือโซนยุโรป น่าจะอินกับช่วงวันคริสต์มาสมากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่น่าจะใช้จ่ายเงินค่อนข้างเยอะในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส
แต่ถ้าดูตามสถิติพร้อมแยกออกมาเป็นสามหมวดหมู่ ได้แก่ อาหารวันคริสต์มาส ของตกแต่งวันคริสต์มาส และของขวัญวันคริสต์มาส เชื่อว่าต้องแปลกใจกันแน่นอน
โดยทาง World Remit ได้แสดงสถิติของปี 2022 ให้เห็น ว่าถ้าเป็นหมวดหมู่อาหารวันคริสต์มาส ประเทศที่ยอมเปย์มากที่สุด คือประเทศกานา รองลงมาคือประเทศยูกันดา ตามด้วยประเทศฟิลิปปินส์ (ในสถิติไม่ได้เทียบว่าใครซื้อของ “แพง” ที่สุด หรือ “ควักเงิน” มากที่สุด แต่ดูตามการที่ผู้คนนำเงินออกมาใช้จ่ายเพื่อวันคริสต์มาส ในแบบรายได้ต่อหัวหรือต่อครัวเรือน เท่าที่ตนหรือครอบครัวมีใช้)
ในด้านของตกแต่งวันคริสต์มาส อันดับหนึ่งคือสาธารณรัฐโดมินิกัน อันดับสองได้แก่ประเทศโคลัมเบีย ตามด้วยประเทศกัวเตมาลา
ส่วนหมวดหมู่ที่สามหรือของขวัญวันคริสต์มาส อันดับหนึ่งคือประเทศสหรัฐฯ รองลงมาเป็นประเทศเยอรมัน ตามด้วยสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีนักเศรษฐศาสตร์ออกมาโต้ ว่าในทางกลับกัน วันคริสต์มาสไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจเลย แต่เป็น “การสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ” (deadweight loss)
โดยได้ให้เหตุผล ว่าการกระทำอย่างการให้ของขวัญ ในมุมมองทางเศรษฐกิจนั้น “ไร้ประสิทธิภาพ” เพราะผู้ให้มักจะไม่รู้ว่าผู้รับนั้นอยากได้อะไร แล้วพอมองตามตรรกะ การมอบเงินโดยตรงดูจะเหมาะสมมากว่าการนั่งเดาใจว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรกันแน่
ดังนั้นพอมองในมุมกว้างอย่างระดับประเทศ (หรือระดับโลก) ยิ่งทำให้ดูเป็นการกระตุ้นความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจมากกว่า
แน่นอนว่าชุดความคิดนี้ ย่อมต้องมีคนออกมาโต้กลับ เช่น บางคนเชื่อว่าสปิริตของการให้ของขวัญไม่สามารถมองมุมแคบ ๆ ได้แค่จากการ “แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ”
แต่เป็นการให้ความรู้สึก “warm glow” หรือการที่ผู้ให้รู้สึกยินดีที่ได้ทำหน้าที่อะไรบางอย่างแล้ว และในส่วนของผู้ที่ได้รับ ก็อาจเป็นการได้แนะนำให้รู้จักกับอะไรใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยนึกถึงมาก่อน
ไม่ว่าจะมองจากมุมอะไร ถ้ามานั่งโต้กันตรง ๆ โดยมองจากผู้บริโภคกับเศรษฐกิจเป็นหลัก ก็ดูจะซับซ้อนมากกว่าที่คิด
แต่ถ้าจากฝั่งผู้ประกอบการ แน่นอนว่าคงเป็นเรื่องที่ดีเพราะได้ขายสินค้าหรือการบริการ อย่างไรก็ตามแต่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทศกาลใหญ่ ๆ อย่างคริสต์มาสมีความสำคัญอย่างมากต่อหลายประเทศทั่วโลกอย่างแน่นอน