ก่อนจะควักเงินเปย์ลงทุนกับอะไรซักอย่างเพราะความเย้ายวนใจ อย่างเช่นช่วงนี้คงไม่พ้นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล สิ่งที่ต้องถามตัวเองให้ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งก่อนจะเริ่มลงทุน หากไม่อยากเจ็บตัวหนักมีอยู่สองข้อหลัก ๆ
1. ความรู้เกี่ยวกับตลาดตรงหน้ามีพอแล้วหรือยัง?
2. ทัศนคติในใจต่อสิ่งที่กำลังจะลงทุนนั้นถูกต้องหรือไม่ (right mindset)?
เพราะถ้ายังตอบไม่ได้ว่ามีความรู้และทัศนคติที่เหมาะสมก่อนเริ่มลงทุน โอกาสที่เงินก้อนนั้นจะงอกเงยมีน้อย ในทางกลับกัน โอกาสที่จะเจ็บตัวหนักมีแววสูงมากเลยทีเดียว
ยิ่งเป็นตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูงลิ่วด้วยแล้ว คงจะไม่ต้องพูดมากว่าเจ็บทีนั้นหนักขนาดไหน
ดังนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ก่อนเข้ามาในตลาดนี้คือ ความรู้ที่พอเหมาะและทัศนคติที่ดี เพื่อเป็นอาวุธและชุดเกราะให้กับตัวเรานั่นเอง
“ความรู้” คืออาวุธ
การเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลก็เปรียบดั่งการเข้าสมรภูมิรบ ที่มีความรุนแรงและผันผวนสูงกว่าตลาดดั้งเดิมหลายเท่าตัว ดังนั้นคงจะน่ากลัวไม่ใช่น้อย หากเข้ามาในสนามรบแห่งนี้ในสภาพที่ไร้อาวุธ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความรู้ในระดับที่เหมาะสมก่อนเข้ามาลงทุน
หนึ่งในความรู้พื้นฐานที่สำคัญคือ ควรรู้ตัวว่าจะมาเป็น นักลงทุน หรือ นักเทรด กันแน่
ถึงแม้ทั้งคู่จะมีบทบาทที่ทับซ้อนกัน แต่ในเชิง “เป้าหมาย” นั้นค่อนข้างแตกต่าง ในขณะที่นักลงทุนมักจะต้องพยายามศึกษาในสิ่งที่ตนกำลังจะลงให้มากและมองระยะยาวหลักเป็นปี นักเทรดนั้นอาจไม่จำเป็นจะต้องรู้ลึกเท่านักลงทุนเสมอไป แต่จะต้องมีความเฉียบแหลมในการใช้ เทคนิคอล อนาไลซิส (TA) เพื่อวิเคราะห์กราฟและหาจุดซื้อ-ขายในระยะเวลาสั้นกว่า
แน่นอนว่าทุกคนสามารถเป็นทั้งนักลงทุนและนักเทรดพร้อม ๆ กันไปในตัวได้ แต่ถ้ายังไม่ชำนาญ ก็ควรเลือกศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่งก่อน และเมื่อมีความรู้เกี่ยวกับตัวเราเองมากพอแล้ว จึงจะสามารถทำความเข้าใจถึงบทบาทที่เรากำลังเป็น และความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทนั้นกับ “ตลาด” ที่อยู่ตรงหน้า
ตลาดตรงหน้าในที่นี้คือ “ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล” หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “คริปโตฯ” สิ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ “ลักษณะนิสัย” หลัก ๆ ของตลาด เช่น ขึ้นแรงแต่ก็ลงได้แรงมาก หรือสินทรัพย์ดิจิทัลหลายตัว สามารถขึ้นแบบไม่มีปัจจัยพื้นฐานอะไรเลย
หลังจากที่พอจะมีอาวุธแห่งความรู้แล้ว ต่อมาก็คือการมี “ชุดเกราะ” เพื่อลดทอนความเจ็บที่จะได้จากสมรภูมิรบแห่งนี้
“ทัศนคติในใจ (mindset)” คือชุดเกราะ
ทัศนคติในใจที่ดีกับไม่ดีนั้นดูได้ไม่ยากเลย ยกตัวอย่างง่าย ๆ เราอาจจะได้ยินเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ลงเงินเพียงไม่กี่พันหรือหมื่นบาท และไม่นานเงินที่ลงไปก็งอกเป็นหลักแสน-ล้านภายในเวลาแปบเดียว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เลยรีบออลอินจัดหนัก ใช้ทุนเกิน 50% ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลซักสอง-สามตัวที่ใคร ๆ ก็พูดถึง ไม่ว่าจะเป็นในยูทูบหรือจากห้องแชตว่าดีนักดีหนา สามารถ 10x ได้
แต่ทว่าพอราคาตกก็รีบขายทิ้งทันทีเพราะอารมณ์ความกลัว ไม่ใช่เพราะใช้หลักการ cut loss
ถ้าหากทำแบบดังกล่าว ก็ค่อนข้างที่จะชัดเจนว่ามี “ทัศนคติ” ที่อาจจะไม่ถูกนัก เพราะมีความคล้ายกับทัศนคติของนักพนัน และทัศนคติของนักพนันนั้นอันตรายมาก เพราะฉะนั้นหากไม่อยากตกอยู่ในจุดที่อันตราย ก็ต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องเสียก่อน
ทัศนคติที่ถูกต้องก็คือ การพยายามลดอารมณ์ลงและเพิ่มความใจเย็นสุขุมให้มากขึ้น พร้อมมีแบบแผนหรือกลยุทธ์อย่างชัดเจน เช่น หากทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเข้าสู่ตลาดหมีหรือหน้าหนาวของคริปโตฯเต็มรูปแบบ ทัศนคติที่ดีคือ หากเรายังมีความเชื่อในตลาดนี้ ก็ไม่ควรให้ความกลัวเข้าครอบงำ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องปล่อยการ์ดลง) ให้เห็นโอกาสที่จะค่อย ๆ ลงทุนด้วยความสุขุมรอบคอบพร้อมความรู้ที่ดี
ความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้สำคัญมากหากไม่อยากเจ็บตัวหนัก เราสามารถที่จะสังเกตและแยกแยะได้อย่างชัดเจนเลยว่าผู้ที่มีสองสิ่งนี้จากผู้ไม่มีนั้นเป็นอย่างไร
สุดท้ายนี้ เรามักจะได้ยินบ่อยครั้งว่า “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง” จึงมีความสำคัญที่เราจะต้องบริหารความเสี่ยงนั้นให้ได้ ดังนั้นการถามตัวเองว่ามีความรู้และทัศนคติดีพอแล้วหรือยัง ก็เปรียบเสมือนการเตรียมอาวุธและชุดเกราะให้พร้อม ก่อนเข้ารบในสมรภูมิที่มีความรุนแรงและผันผวนสูง
และสิ่งที่ต้องคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอคือ ในสมรภูมิแห่งนี้มีระดับหัวกะทิและอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเล่น เราต้องอย่าลืมว่าตลาดนี้มีความเสรีมากและกฎระเบียบน้อยกว่าตลาดดั้งเดิม ดังนั้นการมีอาวุธและชุดเกราะนั้นสำคัญอย่างมาก