ธุรกิจกัญชง กัญชากลายเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่น่าจับตามอง หลังจากที่ประเทศไทยเป็นชาติแรกของอาเซียน มีการปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดได้สำเร็จ สามารถผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจออกสู่ประตูเสรีส่งออกไปยังต่างประเทศได้ เพื่อหวังช่วงชิงขุมทรัพย์ตลาดที่คาดว่าจะมีมูลค่าเม็ดเงินมหาศาล The Global Cannabis Report ของ Prohibition Partners และ Euromonitor International ระบุว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้านี้ หรือปี 2567 จะมีมูลค่าส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 1.039 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวประมาณ 3.53 ล้านล้านบาท
และคาดว่า ในอีก 4 ข้างหน้า หลายประเทศจะมีการปลดล็อกกัญชาให้ถูกกฎหมายมากยิ่งขึ้น ก็จะส่งผลให้แถบทวีปยุโรปมีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ราวประมาณ 39,100 ล้านเหรียญสหรัฐ รองลงมาเป็นแถบทวีปอเมริกาเหนือและแคนาดาอยู่ที่ราวประมาณ 37,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่แถบทวีปเอเชียจะมีมูลค่าราวประมาณ 12,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ตั้งเป้ากำไรปี 66 กัญชง กัญชง แตะ 1 พันล้านบาท
หลายบริษัทในประเทศไทยต่างเล็งเห็นผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ อย่าง บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เชื่อมั่นว่า จากรูปแบบการปลูกของบริษัทฯ ที่เป็นระบบโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน เป็นพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทฯ ที่เป็นระบบโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน เป็นพื้นที่เพาะปลูกของบริษัทฯ เอง
ส่วนการปลูกก็เป็นแบบ Hydroponics ใช้น้ำ RO (Reverse Osmosis) การปลูกในวัสดุปลูกดินเผา การเพาะในโรงเรือนแบบกึ่งปิด ทำให้มั่นใจได้ว่ากัญชา กัญชงที่ GUNKUL เพาะปลูกมีคุณภาพและมาตรฐานสูงมากพอสำหรับนำไปทำสารสกัด รวมถึงเพื่อใช้การทางการแพทย์ จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงสกัดสาร CBD มีจำนวน 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่คลอง 11 จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตสนค้าในหมวดเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และยาสมุนไพร ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 200 กิโลกรัมต่อวัน (ดอกแห้ง) ส่วนพื้นที่เพาะปลูกกัญชงมีจำนวน 15 ไร่ บนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ และมีโรงเรือนเพาะปลูกจำนวน 13 โรงเรือน บนพื้นที่ 60 ไร่ ภายในสิ้นปี 2565ขณะเดียวกัน ได้ขยายพื้นที่การปลูกครบ 3 เฟส เพื่อรองรับความต้องการของตลาด และยังเตรียมขยายพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ หากในอนาคตมีความต้องการจากตลาดที่เพิ่มขึ้น
โดยในช่วงครึ่งปีหลัง GUNKUL คาดว่า จะสามารถเติบโตจากการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงและกัญชา รวมถึงโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมีปริมาณลมมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก นอกจากนี้ GUNKUL อยู่ระหว่างการศึกษาตั้งโรงงานผลิตยาที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชง กัญชา พิจารณา 2 ทางเลือก ระหว่างการนำสูตรยาเข้ามาเพื่อผลิตและจำหน่ายด้วยตนเอง หรือร่วมลงทุนกับผู้ผลิตยาในต่างประเทศ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ปลายปี 2565 จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
SAPPE จับมือ GUNKU ซื้อขายกัญชง กัญชา หวังขยายตลาดสู่นอกประเทศ
หลังจากภาครัฐมีนโยบายผลักดันเป็นพืชเศรษฐกิจ ถือเป็นหนึ่งในโอกาสใหม่ทางธุรกิจ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ได้มองเห็นศักยภาพของการเติบโตในอนาคต จึงได้แตกส่วนงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ ในการต่อยอดจากความเชี่ยวชาญเดิมที่มี และได้เริ่มต้นความร่วมมือกับกันกุล เพื่อดำเนินงานดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้ SAPPE และ GUNKUL ได้ร่วมมือในครั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ การขายการตลาดและเครือข่ายพันธมิตร คู่ค้า-ลูกค้าที่ครอบคลุมในหลายประเทศ ทำให้ SAPPE มีศักยภาพและมองเห็นโอกาส โดยจะเริ่มตลาดในประเทศก่อนแล้วต่อยอดไปสู่ต่างประเทศต่อไป ซึ่งจะช่วยหาลูกค้าเพื่อกระจายวัตถุดิบและสารสกัดจากกัญชากัญชงคุณภาพที่ถูกเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง สร้างโอกาสและมาตรฐานที่ดีในอุตสาหกรรมกัญชากัญชงต่อไป
เซ็ปเป้ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ร่วมกับ บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ในการจะซื้อจะขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพืชกัญชากัญชง เพื่อขยายตลาดสินค้ากัญชากัญชงของไทย โดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศ แล้วขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ นับเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัทในการผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้ทั้งสองฝ่าย สอดคล้องนโยบายภาครัฐและกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการผลักดันกัญชากัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย และสามารถนำประโยชน์จากพืชกัญชากัญชง มาใช้ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับ จุดแข็งของ SAPPE มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดและการขาย มีพันธมิตรและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถนำวัตถุดิบและสารสกัดจากกัญชากัญชง ที่ถูกเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจาก GUNKUL มาจำหน่ายต่อได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาตลาด เบื้องต้นจะเริ่มต้นดำเนินการในส่วนของวัตถุดิบในการผลิตสินค้าต่างๆ ทั้งอุปโภคและบริโภค เพื่อมุ่งหวังนำเสนอทางเลือกในการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชากัญชง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดไว้ทั้งในไทยและในแต่ละประเทศเพื่อการส่งออกสู่ตลาดโลกในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตากันต่อไป หลังจากที่ได้มีการปลดล็อกกัญชง แต่ยังไม่มีประกาศกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกมาแบบครบถ้วนและชัดเจน อาจทำให้ประชาชนทั่วไปอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ ฉะนั้นแล้วเมื่อรัฐบาลออกหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คาว่าจะสามารถสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิต ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมสู่บนเวทีโลก นับเป็นโอกาส ในการเพิ่มช่องทางในการขยายธุรกิจและสร้างฐานรายได้เพิ่มให้กลับเข้าสู่ประเทศไทยได้