ใครอยากเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัว เรือยอร์ช รถยต์หรู ๆ อย่าง BMW หรือ Rolls-Royce (ทางอ้อม) และเชื่อมั่นว่าการกลับมาเปิดประเทศครั้งนี้ จะทำให้มีการ ‘ขับเคลื่อน-เดินทาง’ มากยิ่งขึ้น ต้องฟังทางนี้เพราะ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ “MGC-ASIA” บริษัทที่อยู่เบื้องหลังโชว์รูมที่เชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นตาอย่างแน่นอน “Millenium Auto” พร้อม IPO แล้ว ในราคา 7.95 บาท จำนวนไม่เกิน 280 ล้านหุ้น เตรียมจองซื้อกันได้เลยในวันที่ 18 – 20 เม.ย. นี้ และจะพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนเมษายนต์เช่นกัน
การเปิด IPO ครั้งนี้ เป็นการนำไปต่อยอด “Lifestyle Mobility Ecosystem” ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจตามแผน และเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เดิมแล้วจะมีธุรกิจค้าปลีกยานยนต์แบบครบวงจร ซึ่งทาง MGC-ASIA จะจำหน่ายรถยนต์และบิ๊กไบค์ เช่น BMW, Rolls-Royce, MINI, Honda, BMW Motorrad และ Harley-Davidson ไปจนถึงรือยอชท์ “Azimut” เรือแม่น้ำ “Chris-Craft” และอื่น ๆ อีก เช่น:
– ธุรกิจรถยนต์มือสองพร้อมการรับประกัน
– ธุรกิจจัดหาลูกค้าสำหรับบริการให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว VistaJet
– ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ
– ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ MMS Bosch Car Service
– ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ
ล่าสุด ยังมีการร่วมกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เพื่อจัดตั้ง บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ลุยขยายธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์และมารีนในระดับลักชัวรี่ และได้ร่วมทุนกับ ฮาวเด้น กรุ๊ป หนึ่งในโบรกเกอร์รายใหญ่ที่สุดในยุโรปและมีชื่อเสียงระดับโลก ขยายธุรกิจนายหน้าประกันภัย ภายใต้บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด
ทังนี้ 4 กลยุธท์หลักที่ทาง MGC จะงัดมาใช้ ตามคำกล่าวขอ ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้แก่:
1.ขยายพอร์ตธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศทางธุรกิจภายใต้ชื่อ MGC-ASIA Ecosystem ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทาง (Lifestyle Mobility Ecosystem)
2. เตรียมความพร้อมสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการพัฒนาบุคลากรและมาตรฐานการให้บริการ
3.บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างผลกำไรให้กลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว
4.ยกระดับการให้บริการโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ (Digitalization) เตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่ Digi-Tech Lifestyle Mobility
และทำสำคัญไปมากกว่านี้ คือการ “ให้ความสำคัญกับการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม สิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่องค์กรคาร์บอนต่ำ”
ในด้านของผลประกอบการ ปี 2563, 2564 และ 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 20,275.3 ล้านบาท, 21,350.3 ล้านบาท และ 23,076.2 ล้านบาท เพิ่มเฉลี่ย 6.7% ต่อปี จากเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และมีกำไรสุทธิปี 2563 2564 และ 2565 อยู่ที่ 188.8 ล้านบาท, 295.5 ล้านบาท และ 595.6 ล้านบาท
โดยสรุปแล้ว รายละเอียดการ IPO ในครั้งนี้ เน้นไปที่:
– ขยายการลงทุนในบริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด
– ลงทุนในบริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด
– ขยายศูนย์ให้บริการหลังการขายและซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ
– ปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
– ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน รองรับการเติบโตในอนาคต